วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

ความต่าง "เพชรสังเคราะห์" และ "เพชรเทียม"


เพชรสังเคราะห์ (Synthetic Diamond) นักวิทยาศาสตร์คิดสังเคราะห์เพชรขึ้นเป็นผลสำเร็จตั้งแต่ปี พ.ศ. 2498 เนื่องจากเพชรเป็นอัญมณีที่มีราคาสูงจึงมักทำเทียมขึ้น ปัจจุบัน General Electric Company เป็นผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์เพื่อใช้งานด้านอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุด นอกจากนี้ผู้ผลิตรายอื่น ๆ ได้แก่ แอฟริกาใต้ , ญี่ปุ่น ,จีน ,รัสเซีย 



            ในการผลิตเพชรสังเคราะห์ สามารถทำโดยใช้หินแกรไฟต์ (Graphite) ซึ่งประกอบด้วยคาร์บอนเช่นเดียวกับเพชร มาให้ความร้อน และแรงกดสูง เพื่อให้อะตอมของ C เข้ามาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ก็จะได้ความหนาแน่นมากขึ้น สามารถทำให้หินแกรไฟต์กลายเป็นเพชรสังเคราะห์ มีความแข็งเท่ากับเพชร แต่มีตำหนิมากจึงนิยมใช้ในด้านอุตสาหกรรม แต่ถ้าจะนำไปทำเป็นเครื่องประดับจะต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในการแก้เพชรสังเคราะห์ให้บริสุทธิ์เท่ากับเพชรธรรมชาติ คาดว่าในอนาคตนักวิทยาศาสตร์คงสามารถสังเคราะห์เพชร หรือนำไปใช้เป็นเครื่องประดับในราคาถูกได้

เพชรเทียม ( Diamond Substitutes ) คือ แร่หรือสารสังเคราะห์ที่ไม่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ เมื่อเจียระไนแล้ว มีคุณสมบัติทางด้านแสงคล้ายเพชร ดังนั้นเพชรสังเคราะห์และเพชรเทียมจึงไม่เหมือนกัน

เมื่อนำเพชรสังเคราะห์มาฝังในตัวเรือนแล้วจะแยกได้ยากหากไม่มีประสบการณ์ อย่างไรก็ตามสามารถแยกได้ โดยใช้กล้องส่องเพชรส่องดู จะเห็นเหลี่ยมของเพชรสังเคราะห์มองดูเหลี่ยม

เจียจะเป็นเส้นคู่ แต่เพชรแท้จะดูเป็นเส้นเดี่ยวค่ะ หรือไม่ก็ใช้เครื่องจี้เพชรตรวจสอบ หรือการแยกอย่างง่ายที่สุดก็ต้องดูที่ราคาค่ะ ราคาจะต่างกันมากในตัวเม็ดเพชรขนาดเดียวกัน
ส่วนความหมองของเพชรนั้นเกิดได้จากมีคราบไขมันทั้งเกิดจากผิวเรา อาหารที่เรารับประทาน และโลชั่นทาผิว เคลือบเป็นฟิล์มบางๆ บนตัวเพชรทำให้เพชรหมอง เพชรแท้ก็เป็นเช่นกันค่ะ 
โดยเราสามารถทำให้เพชรกลับมาแวววาวดังเดิมด้วยวิธีง่ายๆ เพียงล้างทำความสะอาดด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ ผสมน้ำยาล้างจานเล็กน้อย (ห้ามใช้สบู่ เพราะมีส่วนประกอบของไขมัน) อาจใช้แปรงขนอ่อนปัดเบาๆ แล้วล้างน้ำสะอาด เช็ดให้แห้งสนิท เพียงเท่านี้เครื่องประดับเพชรของคุณก็กลับมาแวววาวดังเดิมแล้ว ของเครื่องประดับเพชรแท้ก็ทำได้เช่นเดียวกันค่ะ









ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น